Browse Category by วาไรตี้
วาไรตี้

ประวัติวันตรุษจีน ปีใหม่จีน ที่มาวันตรุษจีน 2566

ชาวจีน ถือ วันตรุษจีน 2566 เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินจีน ชาวจีนทุกคนให้ความสำคัญกับวันนี้อย่างมาก มีการหยุดงานเป็นเวลายาว มีการทำความสะอาดบ้านเรือนผ่านปีใหม่อย่างสะอาดสดใส ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ในตลาดคราคล่ำไปด้วยผู้คน ที่มาซื้อปลา เนื้อสัตว์ เป็ดไก่

วันตรุษจีน 2566 หรือ ค.ศ. 2023 ตรงกับวันไหน ?

  • วันที่ 20 มกราคม 2566 เป็น “วันจ่าย
  • วันที่ 21 มกราคม 2566 เป็น “วันไหว้
  • วันที่ 22 มกราคม 2566 เป็น “วันเที่ยว วันตรุษจีน” 

ประวัติวันตรุษจีน

วันตรุษจีน มีมานานกว่าศตวรรษ (100 ปี) จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร ที่มาของวันตรุษจีน เกิดจากการจัดขึ้น เพื่อตั้งใจที่จะฉลองฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนนั้น ประเทศจีนปกคลุมไปด้วยหิมะ จึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ เมื่อเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิ จึงจะสามารถเพาะปลูกพืนผักได้ตามปกติ ชาวจีนจึงกำหนดให้วันแรกของฤดูใบไม้ผลิตในแต่ละปีเป็นวันสำคัญที่เรียกว่า “วันตรุษจีน”

อ่านเต็มๆ ตรุษจีน 2566

วาไรตี้

เมนูอาหารคลีน ขนมคลีน คุกกี้ข้าวโอ๊ตบีทรูท

เมนูกินเพลินคุณประโยชน์เพียบเมนูอาหารสุขภาพ  โดยมีส่วนผสมทั้งกล้วยหอม ข้าวโอ๊ตและบีทรูท หอมสีสวยแถมอร่อยด้วย

ส่วนผสม

  • กล้วยหอม 2 ผล
  • ข้าวโอ๊ต 1 1/2 ถ้วย
  • แป้งข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทรายแดง 3/4 ถ้วย
  • นมอัลมอนด์ 1/2 ถ้วย
  • วอลนัตอบสับ 1/2 ถ้วย
  • อัลมอนด์แท่งอบสุก 1/4 ถ้วย     
  • ช็อกโกแลตชิป 1/4 ถ้วย
  • บีตรูตต้มสุกบดละเอียดคั้นน้ำออก 1/2 ถ้วย

วิธีทำ

  1. บดกล้วยหอมให้ละเอียด ใส่นมอัลมอนด์ และน้ำตาลทรายแดง คนให้เข้ากันทั่ว
  2. ใส่บีทรูท ข้าวโอ๊ต และแป้งข้าวโอ๊ตลงไปผสมให้เข้ากัน
  3. ใส่วอลนัต อัลมอนด์ และช็อกโกแลตชิป คนให้เข้ากัน ตักเป็นก้อนใส่ถาดอบที่รองด้วยกระดาษ
  4. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เวลา 20 นาทีหรือจนคุกกี้แห้ง ยกออกจากเตา พักไว้

Notesคุกกี้สูตรนี้เป็นคุกกี้แบบนิ่ม ไม่มีส่วนผสมของไข่และเนย คนที่กินเจสามารถทำเก็บไว้กินได้ สำหรับคนต้องการลดน้ำหนัก ปรับจากน้ำตาลทรายแดงเป็น “น้ำตาลหล่อฮังก้วย” แทนได้
เครดิต : https://www.sanook.com/women/230249/

วาไรตี้

“ไมค์ พิรัชต์” กำลังใจล้นไอจี เผยความรู้สึกลึกๆ

หาจุดกึ่งกลางที่ดีที่สุดเพื่อ น้องแม็กซ์เวลล์ โดยการที่นักร้อง/นักแสดงหนุ่ม ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล ได้โพสต์ข้อความอยากให้เรื่องทุกอย่างที่เกินขึ้นจบลงได้แล้ว พร้อมชี้แจงการตัดสินใจขอถอนคำร้องสิทธิ์ในการปกครองบุตรร่วม อีกทั้งจากนี้ยังขอเก็บเงินทุกบาทที่เคยให้เข้าบัญชีลูกชายโดยตรง และจะมอบให้ในวันที่ลูกบรรลุนิติภาวะ

ซึ่งหลังจากที่ ไมค์ พิรัชต์ ได้โพสต์ข้อความดังกล่าวไปแล้ว เพื่อนๆ ในวงการบันเทิง อาทิ อั้ม พัชราภา, หนุ่ม กรรชัย, เก๋ ชลลดา ก็ได้เข้ามาให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม รวมไปถึงคนในครอบครัวอย่าง กอล์ฟ พิชญะ และ แซนด์ พิศุทธิ์ โดยทางด้านเจ้าตัวเองก็ได้เข้ามาตอบขอบคุณทุกคอมเมนต์จากหัวใจ

และหนึ่งในคนใกล้ชิดที่คอยให้กำลังใจ ไมค์ พิรัชต์ ก็คือผู้จัดการส่วนตัว ที่ได้เผยไว้ว่า “ไมค์ทำดีที่สุดล่ะน้อง…เราทุกคนรู้ว่าไมค์เจ็บปวดมาก แต่มันดีที่สุดแล้วสำหรับไมค์และแม็กซ์ พี่เชื่อว่าความรักของน้องที่มีต่อแม็กซ์ไม่ได้น้อยลง ร้องไห้ให้พอและรีบเข้มแข็งเพื่อตัวเองและแม็กซ์ พี่อยู่ข้างๆ ไมค์เสมอ”

โดยต่อมา ไมค์ พิรัชต์ ก็ได้เข้ามาตอบกลับว่า “มันไม่น่าต้องมาถึงจุดนี้เลย…” ซึ่งแฟนๆ ต่างก็เข้ามาให้กำลังใจกันต่ออย่างล้นหลาม และเชื่อว่าอีกไม่นาน ไมค์ พิรัชต์ จะกลับมาเข้มแข็งและมอบรอยยิ้มที่สดใสเหมือนเดิมไวๆ

วาไรตี้

ต้องรู้ ! ‘อาการหลอนว่ามือถือสั่น’ เกิดจากสาเหตุอะไร ?

ถ้ามองในแง่ดี นี่อาจจะเป็นความเคยชินจากการใช้งานโทรศัพท์มือถือบ่อยๆ เวลาที่มีสายเข้า ข้อความเข้า หรือการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นต่างๆ ตัวเครื่องก็จะมีการสั่นเพื่อแจ้งเตือน ความรู้สึกมันบอกเราว่าอย่างนั้น แต่พอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูกลับพบว่าไม่มีอะไรเข้ามาเลย นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดอาการที่เรียกว่า ‘อาการหลอนว่ามือถือสั่น‘ หรือ ‘Phantom Vibration Syndrome (PSV)‘ ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเจ้าอาการนี้กัน ว่ามีผลต่อสุขภาพของเรายังไงบ้าง ?

รู้จัก อาการหลอนว่ามือถือสั่น

อาการนี้นับว่าเป็นอาการหลอนรูปแบบหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ชอบตั้งแจ้งเตือนโทรศัพท์มือถือเป็นแบบสั่น ไม่ใช้เสียง แล้วยิ่งหากเรากำลังตั้งตารอข้อความ หรือการตอบจากใครบางคน ก็ยิ่งจะเกิดความคาดหวังทุกครั้งว่าใครคนนั้นจะตอบกลับ บางทีก็อาจเป็นความกังวล ส่งผลให้ระบบประสาทและการรับรู้ตื่นตัวมากกว่าปกติ ร่วมกับเนื้อสัมผัสของเสื้อผ้าในตอนที่เรากำลังขยับตัว ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าโทรศัพท์สั่นเพราะมีข้อความเข้า หรือมีสายโทรเข้ามา

อาการหลอนว่ามือถือสั่น ถือว่าเป็นโรคร้ายหรือไม่ ?

ความผิดปกติ อย่าง อาการหลอนว่ามือถือสั่น นี้ไม่นับว่าเป็นความผิดปกติ หรือเป็นโรคร้ายแรงแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นพฤติกรรม หรือสัญชาตญาณรูปแบบหนึ่งที่ติดกับตัวมนุษย์มาตั้งแต่กำเนิด เพื่อเป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เข้ามากระตุ้นกับระบบประสาทแบบทันทีทันใด อีกทั้งยังเป็นสัญญาณเตือนว่า เรากำลังเสพติดการใช้งานโทรศัพท์มือถือมากเกินไป

แก้ อาการหลอนว่ามือถือสั่น ได้ยังไง ?

  • ลองวางโทรศัพท์มือถือเอาไว้ห่างตัว
  • ลองเปลี่ยนการตั้งค่าแจ้งเตือนจากแบบ ‘สั่น’ เป็นแบบ ‘เสียง’ แทน
  • ย้ายที่เก็บโทรศัพท์มือถือ จากเดิมที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง มาไว้ในกระเป๋าแยกแทน เช่น กระเป๋าเป้ กระเป๋าสะพาย เพื่อช่วยลดการติดที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาบ่อยๆ ลงได้
  • ลองปิดโทรศัพท์มือถือในระหว่างวัน หากไม่ธุระให้ต้องติดต่อเร่งด่วนอะไร หรืออาจปิดช่วงก่อนเข้านอน
วาไรตี้

Asus Zenfone 5 ได้คะแนนของกล้องสูงแบบไม่ธรรมดา

Asus Zenfone 5 ได้คะแนนของกล้องสูงแบบไม่ธรรมดา

เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว สำหรับ Asus Zenfone 5 สมาร์ทโฟนรุ่นกลาง แต่ประสิทธิภาพถือว่ายอดเยี่ยม น่าจับจองมาไว้เป็นเจ้าของสักเครื่อง ที่สำคัญเรื่องประสิทธิภาพในการใช้งานกล้องคู่นี่ไม่เป็นรองสมาร์ทโฟนเรือธงเจ้าอื่นๆ เลย

ล่าสุด DxOMark เว็บจัดอันดับกล้องมือถือซึ่งได้รับความนิยมและมีการนำข้อมูลมาใช้ในการอ้างอิงประสิทธิภาพอยู่บ่อยครั้ง ได้เปิดเผยรายงานการทดสอบกล้องของ Zenfone 5 ขณะที่ใช้งานกลางแจ้ง (Day Light) ว่าตัวกล้องนั้นสามารถเก็บภาพได้อย่างมีคุณภาพ มีรายละเอียดและ Dynamic Range ดี ถือว่าการถ่ายภาพกลางแจ้งของกล้องอยู่ในระดับที่เทียบเท่าสมาร์ทโฟนรุ่นสูงๆ เลยก็ว่าได้

แต่ในขณะเดียวกันเมื่อนำกล้องของ Zenfone 5 มาทดสอบการถ่ายภาพในเวลากลางคืนพบว่ามี นอยซ์ (Noise) รบกวนอยู่ในภาพที่ค่อนข้างเยอะ แต่การทำงานระบบออโต้โฟกัสก็ยังทำงานได้ดี ขณะที่การแสดงผลของสีและ Exposure ก็ดีเช่นกัน ส่วนเรื่องของการถ่ายวีดีโอนั้นรุ่นนี้ยังทำได้ไม่ดีนัก เนื่องจากแต่ละเฟรมของภาพเคลื่อนไหวขณะถ่ายยังขาดรายละเอียดสำคัญอยู่ แต่โดยรวมก็ถือว่าโทรศัพท์มือถือที่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีประสิทธิภาพคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ทำให้ DxOMark ให้คะแนนการถ่ายภาพนิ่งของกล้องคู่ใน Zenfone 5 นี้อยู่ที่ 93 คะแนน และคะแนนการถ่ายวีดีโออยู่ที่ 87 คะแนน เฉลี่ยนทั้งสองอย่างแล้วจะอยู่ที่ 90 คะแนน

 Asus Zenfone 5 ได้คะแนนของกล้องสูงแบบไม่ธรรมดา

วาไรตี้

อยากลดความอ้วน เลี่ยงไม่กิน ‘แป้ง’ สรุปว่าถูก หรือผิดกันแน่ ?

อยากลดความอ้วน เลี่ยงไม่กิน 'แป้ง' สรุปว่าถูก หรือผิดกันแน่ ?

อยากลดความอ้วน เลี่ยงไม่กิน 'แป้ง' สรุปว่าถูก หรือผิดกันแน่ ?

หลายๆ คนที่ตอนนี้กำลังมีความคิดว่าอยากจะลดน้ำหนักอาจเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวการบริโภคแป้งมาบ้าง ว่าอาหารจำพวกแป้ง หรือข้าวที่เรารับเข้าสู่ร่างกายนั้นจะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นน้ำตาลเพื่อกลายเป็นพลังงานให้เราใช้ในการทำกิจกรรมในแต่ละวัน และตัวน้ำตาลนี่เองก็เป็นสาเหตุที่ทำให้อ้วน หรือเกิดการสะสมมากจนเกิดความจำเป็นที่ร่างกายจะเรียกไปเผาผลาญได้ เมื่อมีมากๆ เข้าก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การบริโภคอาหารจำพวกแป้งในแต่ละวันเป็นเรื่องที่จำเป็น เนื่องจากแป้ง หรือคาร์โบไฮเดรตนั้นก็เป็นหนึ่งใน 5 หมู่ของอาหารที่ร่างกายต้องการ แล้วอย่างนี้ ถ้าเราเลี่ยงที่จะกินแป้งไป จะส่งผลเสียต่อร่างกายของเรายังไงกันนะ ?

ทำไม ‘แป้ง’ จึงสำคัญต่อร่างกาย ?

อย่างที่บอกไปในตอนแรกว่า แป้ง หรือ คาร์โบไฮเดรต เป็นหนึ่งใน 5 หมู่ของสารอาาหารที่ร่างกายมีความจำเป็นต้องได้รับในแต่ละวัน เมื่อคาร์โบไฮเดรตเข้าสู่ร่างกาย ก็จะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นน้ำตาลกลูโคส ช่วยให้พลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งเดิน วิ่ง ทำงาน หรือออกกำลังกาย หากเราไม่ได้รับคาร์โบไฮเดรตที่เพียงพอในแต่ละวัน นั่นหมายความว่าเราอาจไม่มีแรงที่จะทำอะไรเลยก็เป็นได้ บางครั้ง ก็อาจทำให้อาการหิวจัด มือสั่น อยากเติมความหวาน แน่นอนว่าการหักดิบไม่กินข้าวเลยนั้นไม่แนะนำ

หากขาด ‘แป้ง’ ไป ก็อาจเป็นอันตรายได้ ?

ลองคิดดูกันเล่นๆ ว่าถ้าเราไม่กินอาหารจำพวกแป้ง หรือน้ำตาลเลย ร่างกายของเราจะเป็นอย่างไร ? อันดับแรกเลย คือ ร่างกายจะไม่มีแรงในการทำกิจกรรมใดๆ เพราะก็บอกแล้วว่าแป้งเป็นแหล่งสร้างพลังงานชั้นดีให้กับร่างกาย เมื่อขาดไป ร่างกายก็จะไปหาพลังงานจากส่วนอื่นๆ มาเผาผลาญแทน โดยจะดึงเอาไขมันและโปรตีนที่อยู่ในร่างกายเนี่ยแหละมาใช้งานก่อน ข้อดี คือ เราอาจจะผอมลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ข้อเสีย คือ ไขมันและโปรตีนเป็นส่วนที่ช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ คอยสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง เมื่อเจ้าพวกนี้คอยถูกดึงมาใช้งานอยู่เรื่อยๆ ผิวหนังของเราก็จะขาดความชุ่มชื้น กล้ามเนื้ออาจลีบแบบ ร่างกายซูบผอม บางคราวก็อาจเหี่ยวย่นไปเลย

นอกจากนั้น เมื่อร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นไป ระบบการทำงานในร่างกายก็อาจไม่เป็นปกติ ภูมิคุ้มกันอาจบกพร่อง โรคต่างๆ ก็อาจมารุ้มเร้าได้ง่าย นับว่าเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะในยามที่ร่างกายของเราอ่อนแอลง แบคทีเรีย เชื้อโรค หรือไวรัสก็จะเข้ามาเจริญเติบโตและทำให้เราเกิดโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

กิน ‘แป้ง’ เท่าไหร่ถึงจะพอดี ?

ถึงแม้ว่าเราอยากจะลดแป้งเพื่อรูปร่างที่ดีขึ้นขนาดไหน แต่ร่างกายก็ยังมีความจำเป็นต้องได้รับสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกินเท่าไหร่ก็ได้ ต้องมีการจำกัดปริมาณในการบริโภค ไม่แนะนำให้งดกิน ควรกินให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภค ได้แก่ ข้าวที่ไม่ได้ขัดสี หรือขัดสีน้อย อาทิ ข้าวซ้อมมือ ข้างกล้อง ต่อมาก็เป็นขนมปังที่ไม่ฟอกขาว อาทิ ขนมปังโฮลวีท ไปจนถึงผักและผลไม้ที่มีรสหวานน้อย มีกากใยอาหารเยอะ อาทิ ข้าวโพด มันเทศ ซึ่งอาหารเหล่านี้รสชาติก็ไม่ถึงกับแย่ ทั้งยังดีต่อร่างกาย

การกินแป้งในแต่ละมื้อ 1 มื้อกินได้ประมาณ 1 กำปั้นมือ โดยกินให้ครบ 3 มื้อ ส่วนมื้อเย็นก็ให้บริโภคในปริมาณที่น้อยลง เพิ่มเนื้อสัตว์และผักผลไม้เข้ามาทดแทน ไม่แนะนำให้งดแป้งและน้ำตาลอีกเช่นเคย ซึ่งน้ำก็ไม่ควรบริโภคเกินวันละ 6 ช้อน เนื่องจากร่างกายจะนำเอาน้ำตาลไปใช้ไม่ทัน จนเกิดการสะสมภายในตับ อาจทำให้เกิดตับอักเสบได้ ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของตับแข็ง ส่วนน้ำตาลที่เกิดนมาก็จะกลายไปเป็นไขมันสะสมอยู่ตามพุงของเรา

นอกจากการควบคุมปริมาณแป้งและน้ำตาลที่บริโภคแล้ว สิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้เลย คือ การออกกำลังกาย เพื่อเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน รับรองได้ว่า หากปฏิบัติตามคำแนะนำ รูปร่างของเราก็จะออกมาดี รวมถึงยังได้สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอีกด้วย

วาไรตี้

“ปีชง 2561” (ปีจอ) วิธีแก้ปีชง เตรียมรับมือให้ผ่านพ้นอย่างปลอดภัย

ปีชง 2561 มีวิธีแก้ปีชงอย่างไร คำว่า ชง ตามภาษาจีนแปลว่า การปะทะ ดังนั้น “ปีชง” จึงหมายถึงปีที่มีการปะทะ โดยความเชื่อเรื่องของปีชงนี้ มีมาจากความเชื่อทางโหราศาสตร์ของจีน โดยจะเกี่ยวข้องกับ องค์เทพไท้ส่วย หรือที่รู้จักกันดีในนาม “เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา” ซึ่งเป็นเทพผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ และมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในแต่ละปี

เมื่อเริ่มต้นเข้าสู่ปีใหม่ 2561 เราก็มักจะได้ยินคำว่า ปีชง 2561 จากผู้คนที่ใกล้ตัวอยู่บ่อยๆ ไม่เว้นแม้แต่การที่เราเดินทางไปขอคำปรึกษาจากหมอดู หรือผู้ที่คอยทำนายชีวิตความเป็นไปของเราในอนาคตว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าให้พูดกันแบบจริงใจ ใครที่ไม่ได้ใฝ่ทางนี้ก็จะไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าปีชง คือ อะไรกันแน่ แต่สำหรับผู้ที่เคยได้ยิน หรือมีโอกาสได้สัมผัสกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันมาก่อนแล้วก็น่าจะพออธิบายให้กับผู้ที่กำลังสงสัยอยู่เข้าใจได้ บางคนอาจคิดว่าปีชงนั้นเป็นความเชื่อตามหลักของศาสนาพุทธ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วความเชื่อนี้ชาวไทยก็รับมาอีกทอดหนึ่ง http://horoscope.sanook.com/126017/ เราลองไปทำความรู้จักกับความเชื่อนี้กันดู ว่าจะตรงกับสิ่งที่เราได้ยินมารึเปล่า

สำหรับ ปีชง 2561 เข้าสู่ปีศักราชใหม่สำหรับปี พ.ศ. 2561 (ปีจอ) จะมีปีนักษัตรไหนชง 100% และปีนักษัตรไหนชงร่วมกันบ้าง พร้อมแนะ วิธีแก้ปีชง 2561 ให้ผ่านพ้นคุ้มครองปลอยภัยผ่อนหนักเป็นเบา ไปเช็คกันเตรียมทำบุญด่วน!

ซึ่งดวง “ดวงชง” จะมี 4 ปีนักษัตร ดังต่อไปนี้

ปีชง (100%) ได้แก่ ปีนักษัตร มะโรง
หรือคนที่เกิดตรงกับปี พ.ศ. 2471, 2483, 2495, 2507, 2519, 2531, 2543, 2555

ปีชงร่วม ได้แก่ ปีนักษัตร จอ, ฉลู, มะแม
หรือคนที่เกิดปี พ.ศ. 2462, 2465, 2468, 2474, 2477, 2480, 2486, 2489, 2492, 2498, 2501, 2504, 2510, 2513, 2516, 2522, 2525, 2528, 2534, 2537, 2540, 2546, 2549, 2552, 2558

ปีชง คือ ปีที่ได้รับผลเสียมากที่สุดหรือที่เราเรียกกันว่าชงโดยตรง (ชง 100%) ได้แก่ ปีมะโรง

ปีคัก คือ ปีที่เป็นปีนักษัตรเดียวกับปีนั้น ๆ ได้แก่ ปีจอ

ปีเฮ้ง คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องเคราะห์กรรม ได้แก่ ปีฉลู

ปีผั่ว คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องสุขภาพ ได้แก่ ปีมะแม

โดยปีชงตรง ๆ จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วน ปีคัก ปีเฮ้ง ปีผั่ว ซึ่งเรามักเรียกว่า ปีชงร่วม จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า

สำหรับคนเกิด ปีจอ (สุนัข) ทำอะไรก็จะติดขัด, คนเกิด ปีมะแม (แพะ) มีปัญหาเรื่องสุขภาพ, คนเกิด ปีฉลู (วัว) อาจประสบเคราะห์กรรม

สำหรับท่านที่เกิดปีนักษัตรที่โดนปะทะหรือชงข้างต้น ในปี พ.ศ. 2561 ควรหลีกเลี่ยงการไปร่วมงานศพ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็ควรนำกิ่งใบทับทิมติดตัวไปด้วย และก่อนเข้าบ้านให้ใช้น้ำสะอาดใส่กิ่งใบทับทิมปัดทั่วตัว และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การละเว้นการไปส่งศพ การอยู่ในพิธีฝังศพ หรือนำหีบศพลงหลุม เพราะเชื่อว่าเมื่อผู้ใดละเมิดไปงานศพหรือไปส่งศพกลับมาแล้ว ดวงชะตาจะได้รับผลกระทบทำให้ร่างกายเกิดการเจ็บป่าย หรือกิจการค้าประสบปัญหาต่าง ๆ

ตามความเชื่อด้านโหราศาสตร์จีน ว่ากันว่าในทุก ๆ ปี องค์ไท้ส่วยเอี้ย หรือเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา ผู้มีผลดลบันดาลให้เกิดความสุขและความทุกข์แก่มนุษย์โดยตรงทั้ง 60 องค์ โดยนับตามหลักจับกะจื้อ จะสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อทำหน้าที่ดูแลโชคและเคราะห์ของแต่ละบุคคล

ชาวจีนเชื่อว่า องค์ไท้ส่วยเอี้ยหรือเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา มีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตมาก ดังนั้นการกราบไหว้บูชาเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา หรือองค์ไท้ส่วยในทุก ๆ ปีนั้น เป็นสิ่งที่ดีงาม จะเป็นการส่งเสริมดวงชะตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เกิดปีชงจะแคล้วคลาดปลอดภัยเคราะห์กรรมเบาบางลง

การกราบไหว้องค์ไท้ส่วยเอี้ย นอกจากคนที่ปีเกิดเป็นปีชงจะกราบไหว้บูชาเพื่อฝากดวงชะตาแล้ว คนที่เกิดปีนักษัตรอื่นก็สามารถกราบไหว้บูชาองค์ไท้ส่วยที่มาเฝ้าปีได้เช่นกัน เพื่อเป็นการเสริมดวงให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ทำให้มีโชคลาภรุ่งเรือง มั่งคั่ง

วิธีแก้ปีชง 2561 ตามความเชื่อของชาวจีน
ตามความเชื่อของชนชาวจีนการไปไหว้ องค์ไท้ส่วยเอี้ย จะช่วยบรรเทาเคราะห์กรรมเรื่องปีชงนี้ได้ และควรไปลงชื่อไหว้องค์ไท้ส่วยด้วย เพื่อสะเดาะเคราะห์เสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง ขอแนะนำวัดจีนที่สำคัญ ๆ ดังนี้

วัดมังกรกมลาวาส (หรือที่เรียกกันว่า วัดเล่งเน่ยยี่) อยู่ที่ 423 ถนนเจริญกรุง แขวงป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100 โทร. 02-2223975, 02-2266533

วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ http://horoscope.sanook.com/126017/ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ (หรือวัดเล่งเน่ยยี่ 2) อยู่ที่ 75 ถนนเทศบาลสาย 9 ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110 ติดต่อวัดมังกรกมลาวาส โทร. 02-2223975

วัดทิพยวารีวิหาร (หรือวัดกัมโล่วยี่) อยู่ที่ 119 ซอยทิพยวารี ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทร. 02-2225988

วัดโพธิ์แมนคุณาราม (หรือวัดโพวมิ้งปออึงยี่) เลขที่ 323 ถนนสาธุประดิษฐ์ 19 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10120 โทร. 02-2112363, 02-2117885 โทรสาร 02-2127777

เตรียมของไหว้ ดังนี้
1. ส้มมงคล (ไต้กิก) 1 จาน ไหว้เสร็จแล้วนำกลับบ้านไปกินจะได้เป็นมงคลกับตัวเอง เฮง ๆ รวย ๆ ตลอดทั้งปี

2. น้ำมันเติมตะเกียง 1 ขวด หมายถึงชีวิตจะได้รุ่งเรืองโชติช่วงตลอดทั้งปี

3. กระดาษหงิ่งเตี๋ย หรือกระดาษเงินกระดาษทอง 13 แผ่น พร้อมเทียบแดง เขียนชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ถ้าเป็นการแก้ชงตัวเองให้นำกระดาษหงิ่งเตี๋ยมาปัดที่ตัวเอง 13 ครั้ง (ปออุ่ง) ปัดลงมาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าจนสุดแขน ฝากกระดาษไว้ไม่ต้องเผา

4. นำซองที่บรรจุดวงชะตา ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ฝากไว้ที่ศาลเจ้าเพื่อให้พระจีนได้สวดมนต์ (พะเก่ง) ทำพิธีเสริมดวงชะตาให้เราแคล้วคลาดปลอดภัย เป็นสิริมงคลตลอดทั้งปี

วิธีแก้ปีชง 2561 ตามความเชื่อของไทย
สำหรับความเชื่อเรื่องดวงชงแบบไทย สามารถทำได้โดยเลือกบูชาเทพที่สามารถส่งเสริมความรุ่งเรือง เจริญก้าวหน้า ดลบันดาลให้ชีวิตราบรื่นและเป็นสุข รวมถึงมีทรัพย์สินโชคลาภ และสุขภาพแข็งแรง ดังนี้

– พระสิวลี สาวกเอกองค์หนึ่งของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นพระอรหันต์ มีอานุภาพเป็นเลิศด้าน โชคลาภในทุกด้าน อาทิ ด้านการงาน ความรัก แล้วแต่จะขอพร

– เศรษฐีนวโกฏิ หมายถึง มหาเศรษฐีทั้ง 9 ในสมัยพุทธกาล ซึ่งมั่งคั่งเทียบเคียงได้กับกับกษัตริย์ การบูชาท่าน จะช่วยแก้เคล็ดความทุกข์ยาก ทำให้ชีวิตอุดมสมบูรณ์ ประสบความสำเร็จ

– ชูชก หลายคนคงรู้จักชูชกดีว่าขึ้นชื่อในเรื่องของการขอและประสบความสำเร็จในการขอ แถมยังมีภรรยาสวยเสียด้วย ปัจจุบัน ชูชกถือเป็นเครื่องรางที่ดลบันดาลโชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ เป็นเมตตามหานิยม

– พระสังกัจจายน์ หนึ่งในพระสาวกผู้ใหญ่ของพระพุทธเจ้า ซึ่งท่านมีพุทธลักษณะอ้วน พุงพลุ้ย อันหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ โชคลาภ ผู้บูชาพระสังกัจจายน์จะได้ลาภ ยศ และความเจริญรุ่งเรือง

– การทำบุญช่วยชีวิตสัตว์ต่างๆ เช่นการไถ่ชีวิตโค กระบือ ปล่อยนกปล่อยปลา การบริจาคโลหิต ฯลฯ ก็จะเป็นการช่วยส่งเสริมให้มีพลังมากขึ้น

– การไหว้พระ 9 วัด ช่วยเสริมสิริมงคลให้ชีวิต

ทำการกุศลจิตอาสาต่าง ๆ การเผยแพร่สิ่งที่ดีเกี่ยวกับธรรมะ เผยแพร่คำสอนดี ๆ ไปบริจาคโลหิต ไปทำบุญให้กับคนตาย คนยากไร้ เช่น ทำบุญโลงศพ ร่วมบริจาคเงินจัดการงานศพให้กับผู้ไร้ญาติ การไปไหว้พระตามวัดต่าง ๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการช่วยเสริมสิริมงคลบุญบารมี ให้ชีวิตดีขึ้น มีความสบายใจ จิตใจผ่องใส ถือว่าช่วยแก้เรื่องปีชงได้ดีเช่นกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม
ดูดวงปี 2561 พยากรณ์โชคชะตา เช็คดวงตามราศี ได้ที่นี่!
ไหว้เทพเจ้า 12 ปีนักษัตร เสริมดวงเป็นมงคลชีวิตในปีใหม่นี้
9 บทสวดมนต์ข้ามปี 2561 เสริมมงคลชีวิตสดใส
ฤกษ์ดีมีมงคลปี 2561 ออกรถ แต่งงาน ทำบุญบ้าน โชคดีมีเงินทองตลอดปี
“ฤกษ์แต่งงาน” ปี 2561 การเริ่มต้นชีวิตคู่ในปีจอ