มะเร็งปากมดลูกกลัวอะไร?
มะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer) เป็นโรคที่น่ากลัว แต่ถ้ารู้จักการป้องกันและการดูแลสุขภาพที่ดี มะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันและรักษาได้ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกคือการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งมีการป้องกันโดยการฉีดวัคซีน HPV และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ
HPV ไวรัสก่อมะเร็งปากมดลูกติดเชื้อได้อย่างไร?
ไวรัส HPV สามารถติดเชื้อได้ผ่านการสัมผัสทางผิวหนังและเยื่อเมือก เช่น การมีเพศสัมพันธ์ การสัมผัสกับของใช้ส่วนตัวที่มีเชื้อไวรัส HPV อยู่ การใช้สุขอนามัยที่ไม่เหมาะสม เช่น การไม่ใช้ถุงยางอนามัย
7 อาการมะเร็งปากมดลูกที่ต้องรีบพบแพทย์
- มีเลือดออกผิดปกติ
- ประจำเดือนมามากหรือมานานกว่าปกติ
- ตกขาวมีลักษณะผิดปกติ
- ปวดท้องน้อยหรือหลัง
- อาการปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- การเบ่งปัสสาวะมีปัญหา
- น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสาเหตุ
อาการมะเร็งมดลูกระยะแรก
ในระยะแรกของมะเร็งปากมดลูก อาการอาจไม่ชัดเจน แต่อาการที่พบได้บ่อยคือ:
- มีเลือดออกระหว่างรอบเดือนหรือหลังการมีเพศสัมพันธ์
- ประจำเดือนมามากหรือมานานกว่าปกติ
- ตกขาวมีลักษณะผิดปกติ เช่น มีกลิ่นเหม็นหรือมีเลือดปน
- ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อยหรือหลัง
- อาการปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์
ใครบ้าง? ที่มีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูก
- ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
- ผู้หญิงที่มีคู่นอนหลายคนหรือคู่ค้าที่มีคู่นอนหลายคน
- ผู้หญิงที่สูบบุหรี่
- ผู้หญิงที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- ผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปากมดลูก
วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่:
- การตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear): การเก็บเซลล์จากปากมดลูกมาตรวจหาความผิดปกติ
- การตรวจ HPV DNA: การตรวจหาการติดเชื้อ HPV ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก
ป้องกันอย่างไรให้ห่างไกลมะเร็งปากมดลูก
- ฉีดวัคซีน HPV: เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก
- การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ: การตรวจ Pap Smear และ HPV DNA
- ใช้ถุงยางอนามัย: เพื่อป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
- เลิกสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก
- ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล: รักษาสุขอนามัยที่ดี