นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ได้ใช้โอกาสใน วันสตรีสากล เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงในครอบครัวที่ผู้หญิงไทยต้องเผชิญ
โดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสหประชาชาติเกี่ยวกับยาเสพติดและอาชญากรรม (UNODC) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ระบุว่า มีจำนวนผู้หญิงไทยถูกคนในครอบครัวใช้ความรุนแรงทำร้ายทั้งร่างกาย จิตใจ และทางเพศ อย่างสูง โดยมีสถิติว่า 87.4% ของผู้ถูกกระทำไม่เคยขอความช่วยเหลือ
ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า มีจำนวนเคสผู้หญิงที่ถูกกระทำรุนแรงสูงถึง 30,000 เคสต่อปี ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลและต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ยิ่งลักษณ์ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสิทธิสตรี ในวันสตรีสากล ซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และมุมมองที่ว่าทุกคนควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใด นางสาวยิ่งลักษณ์ได้ชี้ให้เห็นถึงความหลากหลายของบทบาทของผู้หญิงในสังคม ไม่ว่าจะเป็นแม่ ลูกสาว พี่สาว หรือน้องสาว และว่าทุกคนควรได้รับความเคารพและสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน
ยิ่งลักษณ์ยังได้เรียกร้องให้ผู้หญิงทุกคนเชื่อมั่นในคุณค่าและศักยภาพของตัวเอง พร้อมทั้งส่งกำลังใจให้ทุกคนกล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อคืนศักดิ์ศรีให้กับตนเอง นอกจากนี้ เธอยังได้พูดถึงความพยายามในการจัดตั้งศูนย์ One Stop Crisis Center (OSCC) ภายใต้รัฐบาลของเธอเพื่อให้การช่วยเหลือแก่เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และคนพิการที่ประสบปัญหา โดยหวังว่าการทำงานของศูนย์นี้จะช่วยให้สังคมเข้าถึงการช่วยเหลือที่เท่าเทียมและยุติธรรมได้
การพูดถึงปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและการเรียกร้องให้มีการแก้ไขอย่างจริงจังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ของยิ่งลักษณ์ที่จะปรับปรุงสถานการณ์ของผู้หญิงในสังคมไทย
นอกจากนี้การสนับสนุนสิทธิสตรีและการให้กำลังใจผู้หญิงทุกคนในการเชื่อมั่นในตนเองและลุกขึ้นต่อสู้ยังเป็นการส่งเสริมให้มีการเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชนในทุกมิติ การเฉลิมฉลองวันสตรีสากล ไม่เพียงแต่เป็นการยอมรับความสำเร็จที่ผ่านมาของผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังเป็นการตระหนักรู้ถึงความท้าทายที่ยังคงอยู่และการต่อสู้ที่ยังต้องดำเนินต่อไป