เคสจริงที่ไม่มีโรคประจำตัว แต่เสี่ยง Stroke จากพฤติกรรมไม่คาดคิด
กลายเป็นบทเรียนใหญ่ในโลกโซเชียล เมื่อ “เบอร์ดี้” อินฟลูเอนเซอร์สาววัย 32 ปี ผู้ใช้ TikTok ชื่อว่า @birdieparva ต้องเผชิญภาวะเส้นเลือดสมองตีบ (Stroke) อย่างไม่คาดคิด ทั้งที่ไม่มีโรคประจำตัวมาก่อน ต้นเหตุเกิดจากการถ่ายคลิปที่ต้อง ใส่รองเท้าส้นสูงแล้วเงยคอซ้ำ ๆ ถึง 17 ครั้ง จนหลอดเลือดบริเวณคอฉีก เกิดลิ่มเลือดอุดตันไหลเข้าสมอง อาการเริ่มต้นคือหูอื้อ ปวดหัวข้างเดียว ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด มือเท้าอ่อนแรง ถูกนำส่ง ICU ทันที
แพทย์วินิจฉัยว่า เส้นเลือดสมองตีบถึงครึ่งซีก ทำให้สมองเสียหายกว่า 20% และแม้จะให้ยาสลายลิ่มเลือดแล้วไม่เป็นผล แต่โชคดีที่เข้าสู่โรงพยาบาลภายใน 4.5 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วง “เวลาทอง” (Golden Period) ของการรักษา ทำให้สามารถผ่าตัดนำลิ่มเลือดออกได้ทัน ร่างกายฟื้นตัวกลับมาใช้แขนขาได้ทั้งสองข้าง ถือเป็น 1 ในแสนเคสที่โชคดีรอดมาได้โดยไม่ทุพพลภาพถาวร
หมอเจดเตือนภัย Stroke ไม่ใช่โรคของผู้สูงอายุอีกต่อไป
นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ หรือ หมอเจด จากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ออกมาเตือนว่า Stroke สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย โดยเฉพาะในยุคที่คนรุ่นใหม่หักโหมทำงาน ใช้ร่างกายหนัก พักผ่อนน้อย ดื่มน้ำน้อย และเครียดสะสม จุดอันตรายคือการหักคอ เงยหน้าแรง ๆ ซ้ำ ๆ อาจทำให้หลอดเลือดคอฉีก ซึ่งเมื่อมีการไหลเวียนของเลือดผิดปกติ ก็สามารถเกิดลิ่มเลือดได้อย่างเฉียบพลัน
แม้พฤติกรรมเสี่ยงจะดูเล็กน้อย เช่น การเล่นโยคะผิดท่า หันคอแรง ๆ ตอนขับรถ หรือทำท่าเดิมซ้ำหลายรอบเวลาอัดคลิป ก็อาจกระตุ้นให้เกิด Stroke ได้แบบไม่รู้ตัว
สัญญาณเตือน–วิธีป้องกัน Stroke สำหรับคนวัยทำงาน
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
- หูอื้อ เหมือนมีอะไรอุดหู
- ปวดหัวข้างเดียวแบบเฉียบพลัน
- พูดไม่ชัด พูดแล้วคนฟังไม่เข้าใจ
- ปากเบี้ยว มุมปากตก
- แขนขาอ่อนแรง เดินไม่ได้ หรือจับของหล่น
วิธีป้องกันเบื้องต้น
- หลีกเลี่ยงการหักคอหรือเงยหน้าซ้ำ โดยเฉพาะเมื่อร่างกายเหนื่อยล้า
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5–2 ลิตร
- พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนน้อยติดกันหลายวัน
- ขยับร่างกายบ่อย ๆ อย่าอยู่นิ่งกับที่นานเกินไป
- จัดการความเครียดอย่างมีสติ เพราะความเครียดทำให้เลือดหนืด เสี่ยงลิ่มเลือด
- หมั่นสังเกตสัญญาณผิดปกติของร่างกาย และรีบพบแพทย์
หมอเจดย้ำว่า อย่ารอให้หายเอง หากมีอาการต้องสงสัย ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดภายใน 4 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อให้ได้สิทธิ์เข้าสู่ การรักษาในช่วง Golden Period ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงทุพพลภาพถาวรหรือเสียชีวิตได้อย่างมาก