เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 กรมชลประทานจัดประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ณ ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) โดยมี นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธาน พร้อมหน่วยงานร่วมอย่างกรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เข้าร่วม เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำทั่วประเทศในช่วงฤดูฝน ซึ่งจากข้อมูลล่าสุด พบว่า มีฝนตกหนักในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่งผลให้เริ่มมีน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากในบางจังหวัด
ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักยังรับน้ำได้อีก – ลุ่มเจ้าพระยามีสำรองกว่า 11,000 ล้าน ลบ.ม.
ข้อมูล ณ วันที่ 14 ก.ค. 2568 พบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และกลางทั่วประเทศ มีน้ำกักเก็บรวมกว่า 44,275 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 58% ของความจุ โดยยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 32,227 ล้าน ลบ.ม. โดยเฉพาะ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีเขื่อนหลัก 4 แห่ง ได้แก่ เขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ ขณะนี้มีปริมาณน้ำรวมกว่า 13,567 ล้าน ลบ.ม. (55% ของความจุ) และสามารถรับน้ำเพิ่มได้อีกกว่า 11,000 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
น้ำท่วมแล้ว 3 จังหวัด – ตราด, นครพนม, สกลนคร เร่งผลักดันน้ำ-เตือนประชาชน
ฝนที่ตกต่อเนื่องตลอด 3 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิด น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยมี 3 จังหวัดหลักที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่:
- ตราด: พื้นที่ อ.เขาสมิง โครงการชลประทานตราดร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นลงพื้นที่ช่วยเหลือ และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
- นครพนม: ท่วมใน 6 อำเภอ มีการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำรวมกว่า 20 เครื่อง บริเวณจุดวิกฤต พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เตือนภัยและเตรียมเครื่องจักรช่วยเหลือ
- สกลนคร: น้ำท่วม อ.โพนนาแก้ว โครงการน้ำก่ำได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำที่ประตูระบายน้ำบ้านหนองบึง เพื่อเร่งระบายและลดผลกระทบ
ฝนยังตกต่อเนื่อง 14–19 ก.ค. – เร่งปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝน
กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่า ตั้งแต่วันที่ 14–19 ก.ค. ภาคเหนือและภาคอีสานตอนบนยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักสะสม เสี่ยงเกิด น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ขณะที่ภาคใต้มีฝนบางแห่ง โดยคลื่นลมเริ่มเบาลง
กรมชลประทานจึงได้ สั่งการให้ทุกสำนักงานชลประทานทั่วประเทศ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ประเมินความเสี่ยงเป็นรายพื้นที่ และนำข้อมูลไปปรับแผนระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมย้ำให้ปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการ:
- ตรวจสอบอาคารชลศาสตร์
- กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ
- วางแผนจัดเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือประจำพื้นที่เสี่ยง
- ประสานหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันที