จากกรณีที่สหรัฐฯ อาจตั้งอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยสูงถึง 36% ล่าสุด นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังและอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความกังวลผ่านโซเชียลว่า สถานการณ์นี้ถือเป็น “สัญญาณเตือนแรง” ว่าข้อเสนอจากฝ่ายไทยยังไม่สามารถโน้มน้าวสหรัฐฯ ได้ หากเจรจาไม่คืบ อาจทำให้ไทยเสียเปรียบประเทศคู่แข่งอย่าง เวียดนาม และ มาเลเซีย อย่างชัดเจน
ไทยอาจเสียเปรียบหนัก หากไม่รีบต่อรองภาษี
นายกอบศักดิ์ชี้ว่า ภาษี 36% เท่ากับรอบแรกที่สหรัฐฯ เคยประกาศไว้ เป็นการบอกชัดว่าข้อเสนอจากไทย “ยังไม่พอ ยังไม่ใช่ Good Deal” หากยังไม่สามารถหาข้อเสนอที่ดีกว่าได้ในการเจรจารอบถัดไป ภายใน 2–3 สัปดาห์ข้างหน้า สหรัฐฯ อาจกลับมาใช้มาตรการเดิมที่ประกาศไว้เมื่อ 2 เม.ย. 2568 และครั้งนี้อาจ ไม่ยอมถอย เนื่องจากตลาดการเงินสหรัฐฯ ได้รับรู้ล่วงหน้าและปรับตัวแล้ว
กระทบแรงทั้ง “การส่งออก” และ “การลงทุน”
หากเวียดนามโดนภาษี 20% มาเลเซีย 25% แต่ไทยโดน 36% จะทำให้สินค้าไทย เสียเปรียบคู่แข่งถึง 10-16% ซึ่งไม่เพียงกระทบภาคการส่งออกโดยตรงเท่านั้น แต่ยังอาจ บั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ที่อาจย้ายฐานผลิตไปยังประเทศอื่น
นายกอบศักดิ์ยกตัวอย่างว่า เวียดนามเคยถูกตั้งภาษี 46% แต่สามารถเจรจาลดเหลือ 20% ได้สำเร็จ แสดงให้เห็นว่า “ยังมีทางออก” หากทีมเจรจาเดินเกมให้เฉียบขาดพอ
ต้องเร่งรับมือ ก่อนเศรษฐกิจเสียหายลุกลาม
ท้ายที่สุด นายกอบศักดิ์เน้นย้ำว่า นี่คือสัญญาณเตือนสำคัญ ที่ฝ่ายไทยต้องรับมืออย่างจริงจัง อย่ารอให้ผลกระทบลุกลามไปถึงภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ โดยขอส่งแรงใจให้ทีมเจรจาฝ่าวิกฤต และเจรจาภาษีรอบใหม่ให้ได้ข้อตกลงที่ “พอดีและยั่งยืน”