เปลี่ยนสีไฟเลี้ยว รถยนต์ ผิดกฎหมายไหม?

เปลี่ยนสีไฟเลี้ยวรถยนต์

หลายคนอาจจะเคยเห็นรถบางคันบนท้องถนนที่แต่งไฟเลี้ยวให้ดู “เท่” หรือ “ไม่ซ้ำใคร” เช่น ไฟเลี้ยวสีน้ำเงิน สีเขียว หรือแม้แต่สีม่วง ซึ่งแม้จะดูสะดุดตาในมุมของสายแต่งรถ แต่รู้หรือไม่ว่าการดัดแปลง เปลี่ยนสีไฟเลี้ยว รถยนต์ เหล่านี้ ผิดกฎหมาย และอาจเป็นอันตรายต่อผู้ร่วมทางอย่างร้ายแรง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับข้อกฎหมายเกี่ยวกับไฟเลี้ยว รวมถึงโทษที่อาจเจอ และเหตุผลว่าทำไมการใช้ “ไฟเลี้ยวสีมาตรฐาน” จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าความสวยงาม


กฎหมายไทยระบุไว้ชัด ไฟเลี้ยวรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ต้องเป็นสีอะไร?

ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนถึง สีที่อนุญาต สำหรับไฟเลี้ยวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ทั้งด้านหน้าและด้านท้าย เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศและสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล โดยระบุไว้ดังนี้:

  • ไฟเลี้ยวด้านหน้า: ต้องเป็น “สีขาว” หรือ “สีเหลืองอำพัน” (Amber)
  • ไฟเลี้ยวด้านท้าย: ต้องเป็น “สีแดง” หรือ “สีเหลืองอำพัน”

สรุปง่ายๆ คือ สีไฟเลี้ยวแต่งยอดฮิตอย่างสีน้ำเงิน สีม่วง สีเขียว หรือสีไอซ์บลูนั้น ผิดกฎหมายเต็มๆ และหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีการดัดแปลงสภาพอุปกรณ์ส่วนควบที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน จะมีความผิดตามมาตรา 12 ประกอบมาตรา 60 ของ พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งมีโทษ ปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท

นอกจากเสียค่าปรับแล้ว ผู้ขับขี่ยังอาจถูกสั่งให้แก้ไขกลับมาเป็นสภาพเดิมตามที่กฎหมายกำหนดอีกด้วย ถือเป็นทั้งเสียเวลาและเสียเงินโดยใช่เหตุ ดังนั้นหากคุณแต่งรถอยู่แล้วอยากเลี่ยงปัญหา ควรยึดตามกฎหมายไว้จะปลอดภัยกว่า


ไฟเลี้ยวไม่ใช่แค่สวย แต่คือชีวิตของคุณและเพื่อนร่วมทาง

หลายคนอาจยังสงสัยว่า ทำไมถึงต้องกำหนดสีไฟเลี้ยวให้เป็นแค่ไม่กี่สี ทั้งที่ไฟแต่งสมัยนี้มีหลากหลายสีและให้ความสวยงามสะดุดตา แต่ความจริงแล้ว สีของไฟเลี้ยวที่กฎหมายกำหนดมีที่มาจากหลักความปลอดภัยที่ผ่านการศึกษาวิจัยในระดับสากล โดยเฉพาะในแง่ของ “การมองเห็นได้ชัดเจน” และ “ไม่ทำให้สับสน” ดังนี้:

  • สีเหลืองอำพัน (Amber): เป็นสีที่ตามนุษย์สามารถรับรู้ได้ดีที่สุดทั้งกลางวันและกลางคืน มองเห็นง่ายแม้ในระยะไกลและทุกสภาพอากาศ จึงเหมาะกับการใช้เป็นสัญญาณเตือนเมื่อรถจะเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยว
  • สีแดง: ใช้กับไฟท้าย เพราะเป็นสีที่สื่อถึงการหยุดหรืออันตราย ผู้ขับขี่ที่ตามหลังจะตอบสนองทันที เช่น เบรกหรือชะลอได้เร็วขึ้น

หากใช้สีอื่นๆ ที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น สีน้ำเงินที่มักกลืนกับไฟถนนหรือไฟจากรถฉุกเฉิน อาจทำให้ผู้ร่วมทางตีความผิด และไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยไม่ตั้งใจ

ลองจินตนาการว่าคุณกำลังขับตามหลังรถที่เปิดไฟเลี้ยวเป็นสีเขียวหรือม่วงในยามค่ำคืน ซึ่งแทบจะมองไม่ออกหรือแยกไม่ออกว่านั่นคือไฟเลี้ยวหรือไม่ การตัดสินใจผิดพลาดในเสี้ยววินาทีอาจนำไปสู่การเฉี่ยวชน หรืออุบัติเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ


สรุป : แต่งรถได้ แต่อย่าทำให้ “ไฟเลี้ยว” กลายเป็นของเล่น

การแต่งรถถือเป็นไลฟ์สไตล์ที่ใครหลายคนหลงใหล แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ละเลยกฎหมายและหลักความปลอดภัยที่มีไว้เพื่อปกป้องทั้งตัวคุณเองและผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่อง “ไฟเลี้ยว” ที่เป็นสัญญาณพื้นฐานในการสื่อสารการเคลื่อนที่ของรถ การใช้ไฟเลี้ยวสีผิดประเภทอาจดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ในสายตาบางคน แต่แท้จริงแล้วมันส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยอย่างมีนัยสำคัญ

คำแนะนำคือ : หากคุณแต่งรถ อย่าละเลยเรื่องของสีไฟสัญญาณ ควรเลือกใช้โคมไฟที่ผ่านมาตรฐาน และไม่ดัดแปลงให้ผิดไปจากที่กฎหมายกำหนด เพื่อเลี่ยงค่าปรับ และเพื่อความปลอดภัยของทุกคนบนท้องถนน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า